ประวัติ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักเตะขั้นเทพ ฝีมือระดับตำนานตั้งแต่เข้าวงการจนได้แชมป์มาครองหลายสมัย
ประวัติ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคนนี้ ไม่ได้มีดีแค่เรื่องฟุตบอล
ประวัติ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เรื่องราวนี้ เริ่มต้นในวันที่ 7 สิงหาคม ปี 2003 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ลงสนามในเกมอุ่นเครื่อง ช่วงปรีซีซั่น ซึ่งเป็นการ ไปเยือนยอดทีม จากโปรตุเกส สปอร์ติ้งลิสบอน ในเกมนั้น นัดนั้น น้อยคน ที่จะจำสกอร์ได้
เพราะไฮไลท์สำคัญ มันไม่ได้อยู่ที่ผลของการแข่งขัน แต่อยู่ฟอร์มการเล่นของปีกซ้าย ของเจ้าถิ่น ซึ่งเป็นเด็กอายุ 18 ปี ที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนนี้ ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ด้วยความเร็ว ในการเลี้ยงที่จัดจ้าน มีพลังในการยิงไกล
และที่สำคัญ ความสามารถเฉพาะตัว ที่เกินเด็ก 18 ปี ทั้งความว่องไว การสับขา การไขว้หลอก หรือ การต่อส้น ก็ทำได้ดีเอามาก ๆ จอห์น โอเช รับบทเป็นแบ็คขวา ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในเกมวันนั้น เขาโดนหลอกแล้วหลอกอีก เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน
ออกมาเผยเหตุการณ์ ในเกมวันนั้นว่า ผมตะโกนจากม้านั่งสำรองว่า จอห์น ประกบมันให้แน่น อย่าให้หลุดไปได้ ถึงจะตะโกนบอกอย่างไร จอห์น โอเช ก็โดนหลอกอยู่ดี กัปตันทีม ของเราตอนนั้นคือ รอยคีน เขาบอกว่าจบเกม จอห์น โอเช
ควรไปหาหมอก็คงดี เพราะโดนหลอกจนมึนหัว เวียนหัวไปหมดแล้ว ริโอ เฟอร์ดินานด์ บอกว่าเขาอยากส่ง เครื่องช่วยหายใจให้ โอเช เพราะดูอาการหนักน่าดู เมื่อมันเป็นแบบนั้น หลังจากจบครึ่งแรก ผมบอกสตาฟ์ ให้ไปตาม ปีเตอร์ เคนยอน
CEO ของสโมสร ที่นั่งอยู่บนบล็อค ของวีไอพี ให้มาหาใช้เวลาไม่นาน ปีเตอร์ เคนยอน ก็เข้ามาถึง เขาถามขึ้นมาทันทีว่า อเล็กซ์ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ผมบอกกับเขาว่า ถ้าเขาไม่ได้เซ็นสัญญา กับเด็กคนนั้น เราจะไม่ยอมออกจากสนาม
เคนยอน ถามต่อว่า เด็กคนนี้ เก่งขนาดนั้นเลยหรอ ผมตอบเขาว่า จอห์น โอเช มันจะเป็น ไมเกรนตายอยู่แล้ว ผมจะจัดการ เซ็นสัญญาเขาให้ได้ หลังจากนั้น เคนยอน ไปคุยกับฝ่ายลิสบอน และขออนุญาตคุยกับ เด็กคนนี้เอง
ลิสบอนบอกกับทางเราว่า มาดริดยื่นข้อเสนอมาแล้ว 8 ล้านปอนด์ ผมสวนกลับไปทันทีว่า งั้นผมให้เลย 9 ล้านปอนด์ มันมีเหตุผลเดียว ที่ กล้ายื่นข้อเสนอแบบนั้น เพราะวันนั้น ทุกนาทีที่ เขาอยู่ในสนาม
เขาเล่นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แล้วมันทำให้ทีมใหญ่ จากทั่วยุโรป พร้อมที่จะไล่ล่า เพชรเม็ดงามเม็ดนี้ ไปร่วมทีมให้ได้ และที่รังเหย้าของ สปอร์ติ้งลิสบอน ในวันนั้น มีผู้อำนวยการ การกีฬาของสโมสร บาร์เซโลน่า ไปร่วมชมเกมด้วย ซึ่งตอนนั้น บาซ่าเตรียมตัวลุกคืบ
จะปิดบัญชี ดึงตัว นักเตะดาวรุ่ง ไปร่วมทีม และไบรอันมาดริด เตรียมยื่นข้อเสนอ เพื่อคว้าตัวคนพอเศษนี้ อีกครั้งที่ 2 ทีมมหาอำนาจจากสเปน ไม่มีทางปล่อย ให้ดาวรุ่งฝีเท้าระดับนี้ หลุดมือไปแน่ ซึ่งมันก็แปลว่า ทุกคนจะช้าไม่ได้แล้ว
เมื่อความโดดเด่นเป็นที่เข้าตาของผู้จัดการทุกทีม เขาจึงเป็นเพชรเม็ดงานในเวลานั้นทันที
การเจรจาต่อรอง ซื้อตัว คริสเตียโน่ ในวันนั้น มันเต็มไปด้วย ความตึงเครียด เพราะในหลาย ๆ ทีม ยื่นข้อเสนอ ให้สปอร์ติ้งลิสบอน พิจารณากันเป็นว่าเล่น ในขณะเดียวกัน นักเตะของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่แข่งขันจบไปแล้ว
ทุกคนอาบน้ำแต่งตัว เดินขึ้นมายังรถบัส ครบเรียบร้อย แต่เวลาผ่านไป เป็นชั่วโมง รถก็ยังไม่ออก นั้นอาจเป็นเพราะ มีคนหนึ่งที่ ทำอย่างที่เขาพูด เขาจะไม่ออกจากสนาม โดยที่ไม่ได้เซ็นสัญญากับ เพชรเม็ดงามเม็ดนั้น
ดังนั้นนักเตะในทีม ก็ต้องรอ จนกว่าการเจรจา จะสิ้นสุด ถึงแม้จะมีนักเตะบางคน ในทีมไม่พอใจ ที่ต้องนั่งรอบนรถเฉย ๆ แต่ในเมื่อมันคือคำพูด จากปากของ ผู้จัดการทีม และยังไง รถบัสก็ต้องจอดอยู่แบบนั้น
และในการเจรจา สปอร์ติ้งลิสบอน เรียกค่าตัวที่สูงริ้ว แต่ ทุกคน รู้ดีว่า เด็กคนนั้น คือเพชรเม็ดงาม ดังนั้นค่าตัวของเขา ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว เขา พร้อมจะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ เพื่อนักเตะคนนี้
เขาเข้าไปคุยกับเขา ด้วยตัวเอง ในห้องแต่งตัว โดยไม่ต้องผ่านใครทั้งนั้น เขาต้องการบอกความรู้สึกตรง ๆ จากปากของตัวเขาเอง เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน เล่าถึงบทสนทนา ในวันนั้นว่า ผมบอกกับเขาว่า
ฟังนะ ฉันต้องการตัวนายเดี๋ยวนี้ ฉันไม่การันตี ว่านายจะได้ลงตัวจริงทุกนัด แต่นายจะได้อยู่กับ ทีมชุดใหญ่ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา แต่ฉันสัญญา ว่าจะดูแลนาย ให้ดีที่สุด เมื่อการเจรจาเสร็จสิ้น เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน
เดินขึ้นมาบนรถบัส มีนักเตะ ตะโกนถามว่า บอส เราได้ตัวเขาไหม เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน ไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น เพียงแค่รอยยิ้ม ในตอนนั้น มันก็ทำให้ทุกคน ได้รู้ว่าเด็ก 18 ที่เขาเจอในเกมส์ที่ผ่านมา ในฐานะคู่แข่ง
จะกลายมาเป็นสมาชิกคนใหม่ ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แน่นอน และหลังจากได้ตัว นักเตะขั้นเทพ มาร่วมทีม เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน เตรียมจะเปิดตัว นักเตะคนนี้ เป็นครั้งแรก ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด
และระหว่างที่ สองคนนั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน ที่มุงหน้าไปยัง โอลด์แทรฟฟอร์ดนั้น ระหว่างอยู่บนรถ เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน ถามขึ้นมาว่า ว่านายจะใส่เสื้อ เบอร์อะไรดี เจ้าตัวตอบกลับว่า ขอเบอร์ 28 ได้ไหม
เพราะมันยังว่างอยู่ เพราะตอนอยู่ที่ สปอร์ติ้งลิสบอน ผมก็ใส่เบอร์นี้ แต่คำตอบเดียว จากปากของ เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน ก็คือ ไม่ เบอร์ของนายกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คือเบอร์ 7 เท่านั้น มันเป็นเบอร์เดียวกับ
จอร์จ เบสต์ ไบรอัน ร็อบสัน เอริก ก็องโตนา และเดวิดเบ็คแฮม เคยใส่ มันคือเบอร์เสื้อระดับตำนาน ของยูไนเต็ด ไม่มีใครรู้ว่าเขา คิดอะไรอยู่ เพราะแม้แต่เจ้าตัว ก็ไม่มั่นใจคิดว่า จะดีพอจะใส่เบอร์นี้
แต่มันคือความเชื่อใจจากผู้จัดการทีมระดับโลก ในตัวดาวรุ่งวัย 18 ปี คนนึง ช่วงแรกของเขา ที่อยู่กับยูไนเต็ด เขาต้องต่อสู้กับ เสียงวิจารณ์มากมาย แฟนบอลบางส่วน บอกว่าเขามีแต่เทคนิคอย่างเดียว แต่ไร้ความเฉียบคม
เป็นของปลอมทำเหมือน โดนย้อมแมวขาย หรือแม้กระทั่งฝีเท้า ยังไม่ถึง ถึงจะโดนรุมด่าขนาดไหน คนคนนึง ที่จะเชื่อใจเขา ตลอดมา คือ เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน เขาไม่เคยผิดสัญญา เขาทำตามสัญญา ที่ให้ไว้คือ
จะดูแล คนในสังกัด ให้ดีที่สุด และสุดท้าย ด้วยพรสวรรค์ ที่มีอยู่แล้ว บวกกับความเชื่อใจ จากผู้จัดการทีม เขาฝึกฝน ฝึกฝน และก็ก้าวกระโดด ไปอย่างรวดเร็ว จนสถาปนาตัวเอง เป็นนักเตะ จากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คนที่ 4
ที่ได้รางวัลบาลงดอร์ หลังจากนั้น ตัวเขาเอง ย้ายไปร่วมทีมไบรอันมาดริด พร้อมกับคว้าบาลงดอร์อีก 4 สมัย รวมถึงรางวัลส่วนตัว และถ้วยแชมป์อีกมากมาย แต่ความเคารพ ของเขา ต่อ คน ๆ นี้
ยังคงอยู่เสมอและไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย เพราะความเชื่อใจ ผู้จัดการทีมระดับโลก ในตัวดาวรุ่งวัย 18 ปี ในวันนั้น ทำให้วันนี้ คงไม่มีใคร ในโลกที่ไม่รู้จัก ชายที่ชื่อ โรนัลโด้ เขาสอนผมทั้งในแง่ การเป็นนักฟุตบอล รีวิวเว็บบอล2019
และการใช้ชีวิตส่วนตัว ผมขอขอบคุณ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขาทำเพื่อผม สำหรับผมแล้ว เขาคือผู้จัดการทีม ที่ดีที่สุด เท่าที่ผมเคยมีมา เขาคือพ่อ ในโลกฟุตบอล ของผม เขาคือพ่อ คนที่สองของผม